วีระ สมความคิด (28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2500—) ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน และเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) มีชื่อเสียงจากการเปิดโปงการฉ้อราษฎร์บังหลวงในวงราชการ มอบข้อมูลให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบพลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ ซึ่งท้ายที่สุดมีผลให้ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2543 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พลตรีสนั่นพ้นจากตำแหน่งและยุติบทบาททางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี[ต้องการอ้างอิง]
วีระ สมความคิด จบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปริญญาตรีสาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาผู้นำทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ จากมหาวิทยาลัยรังสิต ในปลาย พ.ศ. 2551
มีบทบาททางการเมืองในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ. 2516 ด้วยการเป็นประธานนักเรียน หลังจากนั้นได้เข้าร่วมในเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ. 2519 และพฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535
ซึ่งหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา วีระได้ศึกษาธรรมะจากพุทธทาส โดยต่อมาได้อุปสมทบเป็นเวลา 5 ปี ได้ถือปฏิปทาของหลวงปู่ชา สุภัทโท, วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี, นอกจากนี้ยังเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์กัณหา สุขกาโม วัดแพร่ธรรมาราม จังหวัดแพร่ และเป็นลูกศิษย์ที่เหนียวแน่นของสมณะโพธิรักษ์ แห่งพุทธสถานสันติอโศก วีวีวีวีวีระระระระระ
อีกทั้งเป็นสมาชิกกลุ่มรวมพลังซึ่งต่อมาได้กลายเป็นพรรคพลังธรรม และวีระได้เป็นสมาชิกพรรคพลังธรรม ปัจจุบันวีระไม่สังกัดพรรคการเมืองใด วีระเข้าร่วมการชุมนุมขับไล่พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ให้ออกจากตำแหน่ง ใน พ.ศ. 2549 และการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ใน พ.ศ. 2551
เมื่อปี พ.ศ. 2549 วีระได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กรณีพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทำความผิดตามกฎหมาย ปปช. มาตรา 100 ซึ่งต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2551 ให้จำคุกพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เป็นเวลา 2 ปี[ต้องการอ้างอิง]
ต่อมาในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552 วีระ สมความคิด, ไทกร พลสุวรรณ, อธิวัฒน์ บุญชาติ และสุนทร รักษ์รงค์ได้นำผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ จำนวน 4,000 คน เดินทางไปเขาพระวิหารเป็นครั้งที่ 2 เพื่ออ่านแถลงการณ์ทวงคืนดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทเขาพระวิหาร จนเกิดการปะทะกับชาวบ้านในพื้นที่ได้รับบาดเจ็บไปทั้ง 2 ฝ่าย
กลาง พ.ศ. 2553 หลังตั้งพรรคการเมืองใหม่แล้ว วีระได้ถอนตัวออกจากกลุ่มพันธมิตรฯ และยุติรายการทั้งหมดทาง ASTV โดยให้เหตุผลว่าไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ นอกจากนี้ยังต้องการทำงานอย่างเป็นอิสระ โดยไม่ถูกครอบงำและแทรกแซง วีระหา
วีระ สมความคิด ได้เดินทางไปร่วมงานที่ชุมชน "บ้านสันปันน้ำ" ชายแดนพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งก่อตั้งโดยอธิวัฒน์ บุญชาติ เป็นเวทีสุดท้ายการถ่ายทอดสด ทาง FM.TV. ของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ เป็นการออกรายการทางสื่อครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553 พร้อมกับพวกจำนวน 7 คน ซึ่งเป็นสมาชิกของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ที่แยกออกจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และบางส่วนเป็นญาติธรรมของพุทธสถานสันติอโศก พร้อมกับพนิช วิกิตเศรษฐ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ขณะลงพื้นที่ตรวจสอบที่ได้รับเรื่องร้องเรียนว่าทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในเขตไทย บริเวณอำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยศาลเขตพนมเปญได้ตั้งข้อหาวีระและพวกในข้อหาเดินทางข้ามพรมแดนโดยผิดกฎหมาย และรุกล้ำเขตทหาร ส่วนวีระและราตรีได้ถูกเพิ่มข้อหาจารกรรมข้อมูลเนื่องจากครอบครองอุปกรณ์กล้องบันทึกภาพและใช้อุปกรณ์ระหว่างการถูกจับกุม ด้านกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางเข้าพบฮอร์ นำฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เพื่อเจรจาในประเด็นดังกล่าว
ต่อมา ศาลกัมพูชาให้ประกันตัวผู้ถูกจับกุม 5 คน ยกเว้นวีระกับราตรี โดยให้เหตุผลเรื่องความผิดต่อความมั่นคงของประเทศกัมพูชา ในการไต่สวนโดยศาลชั้นต้น กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 วีระได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา และยืนยันว่าขณะถูกจับกุมตนยังอยู่ในอาณาเขตประเทศไทย ศาลกัมพูชามีคำตัดสินในวันเดียวกันให้จำคุกวีระและราตรี ในข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย บุกรุกเขตทหาร และจารกรรมข้อมูล เป็นเวลา 8 ปี และ 6 ปี ตามลำดับ โดยไม่รอลงอาญา และให้ยื่นอุทธรณ์ได้ภายในหนึ่งเดือน ซึ่งวีระไม่ได้ยื่นอุทธรณ์[ต้องการอ้างอิง] ในวาระพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพอดีตพระมหากษัตริย์ พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ รัฐบาลกัมพูชาได้ขอพระราชทานอภัยโทษและปล่อยตัวราตรีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 และลดโทษวีระลง 6 เดือน เป็นจำคุก 7 ปี 6 เดือน
วันที่ 1 กรกฎาคม 2557 วีระได้รับการพระราชทานอภัยโทษหลังจากสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนกัมพูชา และได้ยื่นข้อเสนอของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ต่อรัฐบาลกัมพูชา
วีระยังเคยเป็นวิทยากรประจำรายการ "เวทีเสรี" ทางช่อง TTV 2 โดยเป็นวิทยากรประจำทุกวันพุธ และเป็นวิทยากรประจำรายการ "ค้นคนโกง" ทาง ASTV รวมทั้งรายการ "โกงได้ โกงดี" ทางสถานีโทรทัศน์เพื่อมนุษยชาติ (FM TV) ของพุทธสถานสันติอโศก โดยจัดเรื่อยมากระทั่งถูกจับกุม